ความแตกต่างระหว่าง SS316 และ SS316L คืออะไร?

ความแตกต่างระหว่าง SS316 และ SS316L คืออะไร?

บริษัท เซินเจิ้น เจียอี้ เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการกลึงที่เมืองเซินเจิ้น มีประสบการณ์ลึกซึ้งในอุตสาหกรรมการกลึงมากว่า 10 ปี ส่วนชิ้นส่วนสแตนเลสที่ผลิตด้วยเครื่อง CNC เป็นชิ้นส่วนทั่วไปในการกลึง หลายคนอาจไม่เข้าใจอย่างชัดเจนถึงประเภทของสแตนเลส ในบทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างเกรดสแตนเลส 316 และ 316L สำหรับผู้อ่าน
1. ความต้านทานต่อการกัดกร่อนตามแนวขอบเกรน
นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกระหว่าง 316 หรือ 316L
การกัดกร่อนตามแนวขอบเกรนคืออะไร? เมื่อสแตนเลสถูกนำไปใช้งานในช่วงอุณหภูมิ 450-855 °C (เช่น ขณะทำการเชื่อม) คาร์บอนจะรวมตัวกับโครเมียมและเกิดเป็นโครเมียมคาร์ไบด์ที่ตกตะกอนตามแนวขอบเกรน สิ่งนี้จะทำให้ปริมาณโครเมียมบริเวณใกล้เคียงกับขอบเกรนลดลง (เกิดเป็น "โซนที่มีโครเมียนต่ำ") จึงส่งผลให้สูญเสียความสามารถในการต้านทานการกัดกร่อน ในสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดการกัดกร่อน วัสดุจะเริ่มถูกกัดกร่อนตามแนวขอบเกรน
ทำไม SS316L ถึงดีกว่า? เพราะมีปริมาณคาร์บอนต่ำมาก จึงแทบไม่มีคาร์บอนส่วนเกินมาทำปฏิกิริยากับโครเมียมจนเกิดโครเมียมคาร์ไบด์ ส่งผลให้หลีกเลี่ยงการเกิดพื้นที่ที่ขาดโครเมียมได้โดยพื้นฐาน
ข้อสรุป: ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ใช้ SS316L สำหรับชิ้นส่วนที่ต้องมีการเชื่อม หรือชิ้นส่วนที่จะต้องสัมผัสกับช่วงอุณหภูมิที่ไวต่อการกัดกร่อนในระหว่างกระบวนการผลิตและการใช้งาน
2. สถานการณ์การใช้งาน
SS316L (ใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่า):
อุตสาหกรรมเคมี: ภาชนะ ท่อส่ง แลกเปลี่ยนความร้อน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีสารกัดกร่อนสูง เช่น คลอไรด์ และกรด
สิ่งแวดล้อมทางทะเล: อุปกรณ์เรือ โครงสร้างอาคารชายฝั่ง
อุตสาหกรรมยาและอาหาร: อุปกรณ์ ถังเก็บ ที่ต้องการความสะอาดและทนต่อการกัดกร่อน
ในสาขาสถาปัตยกรรม: ผนังกระจกแบบมีโครงถักที่เชื่อมด้วยการเชื่อม โครงสร้างตกแต่ง
เครื่องประดับและนาฬิกาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเนื่องจากมีความต้านทานต่อการกัดกร่อนของของเหลวในร่างกายได้ดีกว่า และมีโอกาสก่อให้เกิดอาการแพ้น้อยกว่า
SS316:
ยังคงถูกใช้ในบางการประยุกต์ใช้งานที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมและต้องการความแข็งแรงที่อุณหภูมิสูง
แต่ด้วยการลดต้นทุนการผลิตและข้อได้เปรียบด้านสมรรถนะที่ชัดเจนของ SS316L ทำให้มันค่อยๆ กลายเป็นทางเลือกเริ่มต้นในหลายสาขา ในขณะที่การใช้ SS316 กำลังลดลง
พูดอย่างง่ายๆ คือ ในกรณีส่วนใหญ่โดยเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องมีการเชื่อมหรือมีโอกาสสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดการกัดกร่อน การเลือกใช้ SS316L เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมกว่า แม้ว่า SS316 จะยังคงเป็นไปตามมาตรฐานสมรรถนะทางกายภาพ แต่ SS316L ให้การรับประกันความต้านทานการกัดกร่อนที่เชื่อถือได้มากกว่า